กลายเป็นดราม่าอย่างหนักหน่วงสำหรับ "ทิดไพรวัลย์" ที่หลังจากที่สึกออกมา ชาวเน็ตและเหล่าแฟนคลับก็คาดหวังว่าเจ้าตัวนั้น จะออกมาเคลื่อนไหวทางสังคม โดยเฉพาะเรื่องราวเบื้องหลังของวงการสงฆ์ ที่เจ้าตัวเคยพูดเอาไว้ก่อนเมื่อตอนเป็นพระ เพราะด้วยเรื่องอิสระในการแสดงออกที่มากขึ้น
แต่ว่าว่าสิ่งที่แฟนคลับเห็นนั้นคือ ทิดไพรวัลย์ยังคงนิ่งเงียบไม่ได้แสดงออกหรือไม่ได้เคลื่อนไหวในประเด็นดังกล่าวมากกว่าตอนเป็นพระ ทั้งยังดูน้อยลงไปเสียด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่แฟนคลับเห็นบ่อยกับเป็นคอนเทนต์กับคู่จิ้นหนุ่มเกาหลีอย่าง "มินยง" แทน รวมทั้งการรับงานโฆษณา พรีเซนเตอร์ต่าง ๆ ต่างทำให้กองเชียร์รู้สึกผิดหวัง และเริ่มทำให้ยอดผู้ติดตามเริ่มหายไป
ทั้งนี้เมื่อคนเข้าไปคอมเมนต์ทวงถาม ติติงหรือแนะนำทิดไพรวัลย์ในเรื่องต่าง ๆ ก็มักจะถูก "แขวน" หรือถูกปักหมุดคอมเมนต์ จนถูกกองเชียร์ของทิดไพรวัลย์เข้าไปรุมวิพากษ์วิจารณ์คอมเมนต์เห็นต่างอย่างหนัก ทั้งทิดไพรวัลย์ยัง "ไล่บล็อก" คอมเมนต์ต่าง ๆ ของชาวเน็ตที่เห็นต่างกับตน พร้อมอ้างว่านี่เป็นพื้นที่ของตน
ก่อนจะเจอประเด็นดราม่าโถมเข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทิดไพรวัลย์ได้ไลฟ์สดพูดคุยกับแฟนๆ แต่เจอชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ทำให้ไพรวัลย์ตอบกลับแรงเรื่องปมบูลลี่ ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาเคลียร์ผ่านเฟซบุ๊กว่าตนด่าเฉพาะคนที่ด่าตนก่อนเท่านั้น และไม่มีปัญหากับใครทั้งนั้น ที่ไม่ด่าตนหรือบูลลี่ตนก่อน ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และล่าสุดวานนี้ (28 ม.ค.) ใน "รายการนินทาประเทศไทย" ของน้าเน็ก ซึ่งคอนเซปต์ของรายการ คือการ รวมคนในช่วงวัยต่างๆ และหยิบยกเรื่องราวในสังคมมาพูดคุยกัน ชวนให้ขบคิดต่อ เพื่อเป็นกระบอกเสียง เพื่อให้เกิดการผลักดัน เปลี่ยนแปลงให้สังคมดีขึ้น ซึ่งก่อนเริ่มรายการน้าเน็กก็ได้เกริ่นขึ้นว่า จากโพสต์โปรโมตรายการครั้งล่าสุดนั้น คอมเมนต์ส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจประเด็นสังคมเสียเท่าไหร่
แต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องของทิดไพรวัลย์มากที่สุด น้าเน็กจึงได้เปิดโอกาสให้ทิดไพรวัลย์ ได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ที่คนสงสัย โดยทิดไพรวัลย์ก็ได้ชี้แจงว่า ทุกคนนั้นมีสิทธิ์ที่จะมอง และคาดหวังตนแบบไหนก็ได้ แต่ในชีวิตนี้จะมีแค่ตัวเองเท่านั้น ที่จะรู้ว่าตนนั้นเป็นอย่างไร ตั้งแต่ยังเป็นพระ ตนก็แสดงตัวตนของตนชัดเจน เพจตนไม่ได้มีไว้สำหรับการ call out อย่างเดียว
ส่วนหลายคนที่ตั้งคำถามว่า สึกออกมาแล้ว เหมือนไม่ได้อะไรเลย ผิดหวังในความเป็นพระ ทิดไพรวัลย์ก็กล่าวว่า ถ้าจะผิดหวังน่าจะผิดหวังตั้งแต่ตอนนั้น เพราะที่ผ่านมาตนก็ชัดว่าไม่ชอบอยู่ในคอนโทรลใคร ถ้าใครสั่งให้พูด ตนจะไม่พูด แต่ถ้ามีประเด็นก็จะพูดเอง พร้อมบอกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ชัดเจน ตอนเป็นพระเป็นคนอย่างไร ตอนนี้ก็ชัดเจนอย่างนั้น ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนในความเป็นตัวตน
ส่วนเรื่องการบล็อกเพจทิดไพรวัลย์ก็ตอบว่า ตนนั้นมองว่าพื้นที่เพจ เป็นพื้นที่ของตัวเอง จะจัดสรรพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนอย่างไรก็ได้ ตามที่เห็นสมควร และถึงจะบล็อกในเพจ เขาก็สามารถด่าตนในที่อื่นๆ ได้อยู่ดี จะให้ใช้ชีวิตถูกใจใครทุกคนมันก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการเป็นตัวเอง เหนื่อยน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับการเป็นอย่างอื่น และใครไม่พอใจ ก็อันฟอลโลว์ไป ไม่ใช่ตามมาด่า มาตามบูลลี่ ทุกสิ่งที่ทำในเพจไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน จะให้เปลี่ยนตามกระแสสังคม ตนไม่ทำแน่นอน
จากนั้นทิดไพรวัลย์ก็ได้ประกาศยุติบทบาท ในการจัดรายการนินทาประเทศไทยกลางอากาศ ทำเอาพิธีกรที่เหลือไปไม่เป็น ทำหน้าเน็กถึงกับสบถออกมาว่า "ไอ้ เ..ย ฉิบหา... แล้ว แล้วกูจะยังไงวะเนี่ย" หลังจากนั้น ทิดไพรวัลย์ ก็ได้เดินออกจากรายการไป
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทิดไพรวัลย์ ก็ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กระบุว่าการเดินออกจากรายการ เป็นการทำที่ถูกต้องแล้วและตนได้แจ้งแล้วว่า ตนนั้นจะขอเข้ารายการเพื่อชี้แจงและอำลาทุกคนอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น เพราะว่าตนไม่ควรพูดเรื่องสาธารณะในรายการนินทาประเทศไทยแล้ว เมื่อคนไม่ต้องการอยากฟังความเห็นของตน
Comments