วันนี้ (1 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ นางสาว เมทิกา โกศลปลั่งศรี อายุ 31 ปี และนายไทยอนันต์ ทองอยู่ อายุ 28 ปี แม่และพ่อของน้องน้องจีฮุน อายุ 7 ขวบ ที่เสียชีวิตอยู่ในรถตู้โรงเรียน เหตุเกิดเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มาติดต่อแจ้งความจำนงค์ทำเรื่องขอรับร่างน้องจีฮุน เพื่อนำร่างน้องไปฝากไว้ที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต ระหว่างรอผลชันสูตรอย่างเป็นทางการของสถาบันนิติเวชวิทยา ตร. จากนั้นถ้าทราบผลทางการแล้ว จะมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้ รพ.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ผ่าชันสูตรรอบที่ 2 หรือไม่ เพราะติดใจสงสัยในเรื่องรอยฟกช้ำบริเวณขาของน้องจีฮุน โดยวันนี้ทางครอบครัวได้มายื่นความจำนงค์เรื่องการฉีดยาฟอร์มาลีน ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องกลับไปนำเอกสารการเสียชีวิต ที่สภ.พานทอง ก่อนจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ (2 กันยายน 65) เพื่อรับร่างน้องจีฮุนไปเก็บรักษาไว้ที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต ระหว่างรอฟังการชันสูตรอย่างเป็นทางการ
น.ส.เมทิกา กล่าวว่า วันนี้มาแจ้งฉีดยาฟอร์มาลีน เพื่อรอขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบสิ่งที่ครอบครัวยังคาใจจากกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ทางครอบครัวเชื่อถือผลของนิติเวชรพ.ตำรวจอยู่ แต่ทางครอบครัวยังมีข้อสงสัยบางส่วนที่อยากให้มีการตรวจสอบอีกครั้ง ในประเด็นการเสียชีวิต ซึ่งมีการชี้แจ้งมาบ้างแล้วแต่ยังไม่ละเอียด ระบุว่าน้องเกิดจากอาการฮีทสโตรก หลังจากนี้จะกลับไปนำเอกสารการเสียชีวิต มารับร่างน้องในวันพรุ่งนี้ เพื่อนำไปเก็บรักษาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ได้ไปยื่นเรียกร้องที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้คลี่คลายและตรวจสอบ 4 ข้อสงสัยของครอบครัว ทั้งนี้คาดว่าผลจะออกภายใน 2 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องนำร่างน้องจีฮุนไปฝากไว้ก่อน
น.ส.เมทิกา กล่าวว่า ส่วนพิธีทางศาสนาก็จะดำเนินการได้หลังจากคลายข้อสงสัยจากทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ทางโรงเรียนได้ติดต่อมาที่ครอบครัวบอกว่าจะชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทางครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงยังไม่พร้อมพูดคุยกับทางโรงเรียน ส่วนทางตำรวจก็ยังไม่ได้เชิญเข้าไปให้ปากคำประกอบสำนวนแต่อย่างใด
น.ส.เมทิกา กล่าวว่า ทั้งนี้มีหลายประเด็นที่ครอบครัวยังไม่ได้รับคำตอบ รวมถึงร่องรอยการฟกช้ำบริเวณต้นแขนและขา รอยถลอกที่แขน ยืนยันว่าในตอนเช้าที่ลูกไปโรงเรียนยังไม่มีร่องรอยดังกล่าว ส่วนจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเสียชีวิตแล้วยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งทางครอบครัวได้ตั้งข้อสังเกตไว้ นอกจากนี้ภายในรถไม่พบร่องรอยคราบน้ำลาย ร่องรอยการช่วยเหลือเอาตัวรอดของน้อง แต่เบื้องต้นจากการพูดคุยกับแพทย์บอกว่า อาจเกิดจากการพบร่างของน้องที่นอนหันข้างอยู่ อาจจะเกิดรอยช้ำจากตรงนั้นได้ แต่ยังไม่ชัดเจนจึงต้องรอผลก่อน
สำหรับผลการตรวจชันสูตรศพเบื้องต้นสันนิษฐานว่า เกิดจากภาวะอุณหภูมิในร่างกายสูง เนื่องจากอากาศร้อน
Comments