top of page

BANNER

980 x 260 px

"หมอประสิทธิ์" คาด "เปิดประเทศ" อาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่สามารถคุมอยู่ หวั่นแรงงานเถื่อนลักลอบเข


ศาตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงกรณี รัฐบาลเตรียม "เปิดประเทศ" ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ว่า ช่วงจังหวะตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เสี่ยง แต่สถานการณ์ความเสี่ยงลดลงไปเยอะ ด้วยจำนวนของวัคซีนที่มีการฉีด อย่างเมื่อวานประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้วร้อยละ 50 และอีก 1 ใน 3 ได้รับเข็มที่ 2 ไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เป็นภูมิส่วนหนึ่งที่ได้รับการกระตุ้นขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนไทยอีกกว่า 10 ล้านคน ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และถ้าจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็จะยิ่งมีความอันตรายด้วย "โควิด"

ขณะนี้ปริมาณวัคซีน ไม่ใช่เรื่องปัญหา เพราะว่ามีวัคซีนเพียงพอ เฉลี่ย 20 ล้านโดสต่อเดือน ส่วนกระบวนการฉีด ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาก็สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากกว่าวันละ 1 ล้านโดส แต่ประเด็นสำคัญ คือต้องสร้างความเข้าใจ กับคนที่ยังไม่ยอมรับการฉีด เพราะตราบใดที่ฉีด และภูมิคุ้มกันขึ้นถือว่าประสบความสำเร็จ และการฉีดวัคซีนในประเทศ จะเป็นไปตามแผนที่ภายในธันวาคมนี้ คนไทย ร้อยละ 80 จะได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และร้อยละ 70 ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 "เปิดประเทศ"


ทั้งนี้ คิดว่า ขณะนี้ประเทศอื่นๆ ที่มีการ "เปิดประเทศ" การฉีดวัคซีนก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น สิ่งสำคัญคือมาตรการส่วนบุคคล เพราะการฉีดวัคซีนไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย หลายประเทศยืนยันมาแล้วว่า ยังมีการติดเชื้อ แต่หากติดเชื้อ "โควิด" แล้วไม่รุนแรง ไม่เสียชีวิต สุดท้ายก็จะเป็นเหมือนโรคหวัด ซึ่งหวังว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งสถานการณ์โควิดจะเป็นแบบนั้น ดังนั้น มาตราการใส่หน้ากาก และการเว้นระยะห่าง จึงมีความจำเป็น และทุกภาคธุรกิจ และคนไทยทุกคน ก็ควรจะต้องปฏิบัติตามมาตรการ และควรมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างสม่ำเสมอในองค์กร ร้านค้าต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ให้บริการและผู้รับบริการ "เปิดประเทศ"

แม้ขณะนี้จะมีกิจกรรมเสี่ยงหลายอย่างเกิดขึ้น แต่ความเห็นตนเองนั้น การ "เปิดประเทศ" ต้องดำเนินการ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่หากมีการควบคุมที่ดี ก็จะไม่เกิดการแพร่ระบาด ทั้งนี้ แม้จะมีการ "เปิดประเทศ" ไปแล้ว คาดว่าอาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ถ้าจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้น และลดลง ก็ถือว่าจะสามารถค่อยๆ ขยายวงของการเปิดประเทศเพิ่มขึ้นอีกได้

ส่วนกรณีที่หลายฝ่าย มองว่า ควรคลายล็อกในประเทศก่อน แล้วค่อย "เปิดประเทศ" เพราะหลายคนอาจจะกังวล กลัวคนต่างประเทศนำสายพันธุ์ใหม่ๆ เข้ามานั้น เรื่องนี้มองว่า สายพันธุ์ใหม่ๆ กำลังนิ่ง และไม่ได้กระจายออกมา ซึ่งหากในประเทศมีมาตรการที่เข้มงวด สำหรับคนที่จะเข้ามา ทั้งการตรวจหาเชื้อ "โควิด" ตั้งแต่ก่อนเดินทางเข้ามา และตรวจที่สนามบิน และตรวจที่โรงแรมซ้ำอีก ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยได้ และหากพบว่ามีผลบวกในการติดเชื้อก็จะต้องเข้าสู่ระบบทันที เพื่อควบคุมโรคไม่ให้เกิดการแพร่กระจาย

ทั้งนี้ เป็นห่วง คนที่จะเข้ามาในประเทศ ในแบบที่ไม่ถูกต้องมากกว่า เช่นแรงงานที่ลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย เพื่อมาทำงาน เพราะมีการเปิดเมือง "เปิดประเทศ" ซึ่งคนเหล่านี้อาจจะไม่ได้รับการตรวจ และอาจจะมีเชื้ออยู่แล้ว จนทำให้เชื้อกระจาย ก็อยากจะให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แต่ก็ขออย่ามองกลุ่มคนเหล่านี้ในเชิงลบ เพราะก็มีส่วนทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ แต่อยากให้นำเข้ามาในระบบอย่างถูกต้อง และพาเข้าสู่การฉีดวัคซีน


ซึ่งตนเชื่อว่าถ้าทำได้ เศรษฐกิจก็จะขับเคลื่อนไปได้ ทั้งนี้ ก็ยังคงต้องลุ้นและรอดูเพราะถือเป็นนโยบายรัฐบาล ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ตนเองอยากย้ำคือ เศรษฐกืจไทยสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยคนไทยก่อน เพราะจะทำให้ปลอดภัย และหากทุกคนมีความรับผิดชอบในตัวเอง ก็มีโอกาสที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยฟื้นตัวได้ "เปิดประเทศ"


ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า หลังผ่านเทศกาลปีใหม่ไปแล้วนั้น อาจจะมีการแพร่ระบาดจนต้องกลับมาล็อกดาวน์อีกหรือไม่ นายแพทย์ประสิทธิ์ มองว่า ที่ผ่านมาได้พูดมาตลอดว่า ความเสี่ยงมี 4 อย่างคือ กิจกรรมเสี่ยง บุคคลเสี่ยง สถานที่เสี่ยง และช่วงเวลาเสี่ยง เพราะช่วงเวลาเสี่ยงคือช่วงที่หยุดยาว ที่จะทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปีใหม่ก็เป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ในเดือนธันวาคมนี้ เป้าหมายการฉีดวัคซีนของคนไทยจะครบ80% ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นวัคซีนที่ฉีดจำนวนมากจะมีผลในการลดการแพร่กระจายได้ในระดับหนึ่ง และลดความเสี่ยวต่อความรุนแรงได้ ก็คงจะต้องเฝ้าระวังและคอยประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนอยู่เป็นระยะๆด้วย "เปิดประเทศ"

ดู 7 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


BANNER

980 x 260 px

bottom of page