นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ระบุว่าวันที่ 3 กุมภาพันธ์จะมายื่นหนังสือลาออกจากการเป็นส.ส.ที่รัฐสภา เพื่อเตรียมพร้อมลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า นายวิโรจน์ได้มาแจ้งกับทางพรรคแล้ว ซึ่งความจริงเราเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ว่าหลังจากเปิดตัวก็ควรจะลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อที่จะทำงานในฐานะว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ อย่างเต็มที่ เพราะด้านหนึ่งก็รับเงินเดือนของสภา แต่ก็ใช้เวลาจำนวนมากไปกับการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
เมื่อถามว่า หลังจากเห็นไทม์ไลน์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรค ก.ก.เตรียมตัวอย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า หากเป็นไปตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พูด เราจะมีเวลาประมาณ 3 เดือนในการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ล่าสุดเรามีการปรับแผนแคมเปญ 3 เดือนแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 เฟส ซึ่งเฟสแรก คือ ประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนี้ นายวิโรจน์และทีมผู้ว่าฯ กทม.จะทยอยเปิดนโยบายทีละเรื่องจนครบทุกด้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 หลักสี่-จตุจักร ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้คะแนนเป็นอันดับ 2 จะส่งผลต่อภาพรวมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่มี 50 เขต หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า จากผลการเลือกตั้งต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวกทม.ที่แสดงออกให้เห็นว่าเรายังมีแรงสนับสนุนมากพอสมควร แม้จะได้อันดับ 2 แต่ก็เป็นคะแนนที่น่าพอใจ และเป็นพื้นฐานที่ดีที่จะส่งผลทำให้เรามีโอกาสชนะผู้ว่าฯ กทม.และส.ก.ได้
เมื่อถามว่า หากมองคู่แข่งในสนาม คิดว่าพรรค ก.ก. มีความได้เปรียบหรือเสียบเปรียบมากน้อยแค่ไหน นายชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งที่จะสามารถชนะใจชาวกทม.ได้ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.ตัวผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมีวิธีคิด วิธีการทำงานที่ตรงใจคนกทม.มากที่สุด เราเชื่อมั่นว่านายวิโรจน์และทีมงานที่จะทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษา จะสามารถได้รับความไว้วางใจ และ 2.นโยบาย ที่จะนำเสนอให้ประชาชนเลือก ซึ่งเราเตรียมไว้หมดแล้ว
ถามต่อว่า แต่ต้องยอมรับว่าในสนามกทม. กระแสเป็นเรื่องสำคัญ จะปรับให้สามารถตีตื้นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ ได้อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนคิดว่า 3 เดือนที่เหลืออยู่เป็นเวลาที่เราจะต้องทำงานหนัก ในการที่นายวิโรจน์และทีมงานจะนำเสนอให้ประชาชนได้สัมผัสโดยตรง เราเชื่อมั่นว่าใน 3 เดือนนี้หากประชาชนได้สัมผัสนายวิโรจน์โดยตรง ทั้งวิธีการทำงาน วิธีคิด และนโยบาย ตนคิดว่าเวลา 3 เดือนไม่ได้น้อยจนเกินไปที่จะทำให้กระแสความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าเราเริ่มต้นช้ากว่าแคนดิเดตคนอื่น ที่ผ่านมาเนื่องจากมีแคนดิเดตบางคนเปิดตัวมานาน สื่อมวลชนหรือคนในสังคมจำนวนหนึ่งยังมองอยู่มุมเดียว ตนคิดว่าสนามผู้ว่าฯ กทม. โหวตเตอร์คนกทม.มีความคิดความชอบหลายแบบ และนายวิโรจน์เป็นแคนดิเดตในแบบที่พรรค ก.ก.คิดว่าเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด
コメント